เมนู

คลายกำหนัด ย่อมละราคะได้ เมื่อยังราคะให้ดับ ย่อมละเหตุให้เกิดได้
เมื่อสละคืน ย่อมละความยึดถือได้ พระโยคาวจรย่อมกำหนดใจเป็นภาย
ในอย่างนี้ ย่อมกำหนดธรรมเป็นภายในอย่างนี้.
ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะ
อรรถว่ารู้ชัด เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในการกำหนด
ธรรมเป็นภายใน เป็นวัตถุนานัตตญาณ.


15. อรรถกถาวัตถุนานัตตญาณนิทเทส


[160 - 162] พึงทราบวินิจฉัยในวัตถุนานัตตญาณนิทเทส
ดังต่อไปนี้. บทว่า จกฺขุํ อชฺฌตฺตํ ววตฺเถต - พระโยคาวจรย่อม
กำหนดจักษุเป็นภายใน ความว่า พระสารีบุตรเถระประสงค์จะกล่าว
โดยอาการที่พระโยคาวจรนั้นกำหนดจักษุ จึงถามว่า กำหนดจักษุเป็น
ภายในอย่างไร แล้วแสดงอาการกำหนดโดยคำมีอาทิว่า จกฺขุ อวิชฺชา-
สมฺภูตนฺติ ววตฺเถติ -
ย่อมกำหนดว่า จักษุเกิดเพราะอวิชชา ดังนี้.
พึงทราบความในบทเหล่านั้นดังต่อไปนี้ อวิชชา ตัณหาที่เป็น
อดีต เป็นเหตุอปถัมภ์ กรรมที่เป็นอดีตเป็นเหตุให้เกิด อาหาร
เป็นเหตุอุปถัมภ์ในบัดนี้.
ด้วยบทนั้น เป็นอันท่านถือเอา อุตุและ
จิต อุปถัมภ์จักษุด้วย.

บทว่า จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย - จักษุอาศัยมหาภูตรูป 4.
บทนี้เป็นฉัฏฐีวิภัตติลงในอรรถแห่งทุติยาวิภัตติ อธิบายว่า จักษุอาศัย
มหาภูตรูป 4 แล้วเป็นไป. ด้วยบทนั้น เป็นอันท่านแสดงถึงความเป็น
ปสาทจักษุ ปฏิเสธความเป็นสสัมภารจักษุ - เครื่องปรุงแต่งจักษุ.
บทว่า อุปฺปนฺนํ - เกิดขึ้นแล้ว คือ เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ด้วย
อำนาจแห่งอัทธา - กาลอันยาวนาน หรือด้วยอำนาจแห่งขณะอันเป็น
สันตติ - การสืบต่อ.
บทว่า สมุทาคตํ - เข้ามาประชุมแล้ว คือ ตั้งขึ้นแล้วจากเหตุ.
ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ท่านแสดงถึงการกำหนดจักษุในส่วนเบื้องต้นแห่ง
วิปัสสนา.
ท่านแสดงถึงอนิจจานุปัสนา ด้วยบทมีอาทิว่า อหุตฺวา สมฺภูตํ-
ไม่มี แล้วมี ความว่า ชื่อว่า ไม่มี แล้วมี เพราะไม่มีอยู่จากความ
เกิดในกาลก่อน. ชื่อว่า มีแล้ว จักไม่มี เพราะความไม่มีจากความ
เสื่อมต่อไป.
บทว่า อนฺตวนฺตโต - โดยความเป็นของมีที่สุด ความว่า ชื่อว่า
อนฺตวา เพราะมีที่สุด. มีที่สุดนั่นแหละ ชื่อว่า อนฺตวนฺโต เหมือน
บทว่า สติมนฺโต คติมนฺโต ธิติมนฺโต จ โย อิส1 - ผู้แสวงหาคุณ
เป็นผู้มีสติ มีคติ และมีธิติ. โดยความเป็นของมีที่สุดนั้น. อธิบายว่า
โดยความมีการดับไป.
1. ขุ. เถร. 26/397.

บทว่า อทุธุวํ - ไม่ยั่งยืน คือ ไม่มั่นคง เพราะตกไปในความ
ตั้งอยู่ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง และเพราะไม่มีความเป็นของมั่นคง.
บทว่า อสสฺสตํ - ความไม่เที่ยง คือ ไม่แน่นอน.
บทว่า วิปริณามธมฺมํ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา คือ
มีความแปรปรวนไปเป็นปรกติด้วยอาการ 2 อย่าง คือ ด้วยความชรา
และด้วยความมรณะ.
บทมีอาทิว่า จกฺขุํ อนีจฺจํ - จักษุไม่เที่ยง และบทมีอาทิว่า
จกฺขุํ อนิจฺจโต - ย่อมกำหนดจักษุโดยความเป็นของไม่เที่ยง มีเนื้อ
ความดังได้กล่าวไว้แล้ว.
บทมีอาทิว่า อวิชฺชาสมฺภูโต - เกิดเพราะอวิชชา ย่อมสมควร
ทีเดียว เพราะในบทว่า มโน นี้ ท่านประสงค์เอาใจอันเป็นภวังค์.
ในบทนี้ว่า อาหารสมฺภูโต - เกิดเพราะอาหาร พึงทราบ
ด้วยสามารถผัสสาหารและมโนสัญเจตนาหารประกอบกัน.
บทว่า อุปฺปนฺโน - เกิดขึ้นแล้ว พึงทราบด้วยสามารถแห่ง
อัทธา - กาลอันยาวนานและสันตติ - การสืบต่อ.
จบ อรรถกถาวัตถุนานัตตญาณนิทเทส

โคจรนานัตตญาณนิทเทส


[163] ปัญญาในการกำหนดธรรมเป็นภายนอก เป็นโคจร-
นานัตตญาณอย่างไร พระโยคาวจรย่อมกำหนดธรรมทั้งหลายเป็นภาย
นอกอย่างไร ?
พระโยคาวจรย่อมกำหนดรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
ธรรมารมณ์เป็นภายนอก.
พระโยคาวจรย่อมกำหนดรูปเป็นภายนอกอย่างไร ?
ย่อมกำหนดว่า รูปเกิดเพราะอวิชชา เกิดเพราะตัณหา เกิด
เพราะกรรม เกิดเพราะอาหาร อาศัยมหาภูตรูป 4 เกิดแล้ว เข้ามา
ประชุมแล้ว รูปไม่มีแล้วมี มีแล้วจักไม่มี ย่อมกำหนดรูป โดยความ
เป็นของมีที่สุด กำหนดว่ารูปไม่ยั่งยืน ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนไป
เป็นธรรมดา รูปไม่เที่ยง อันปัจจัยปรุงแต่ง อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มี
ความสิ้นไปเป็นธรรมดา เสื่อมไปเป็นธรรมดา คลายไปเป็นธรรมดา
ดับไปเป็นธรรมดาย่อมกำหนดรูปโดยความเป็นของไม่เที่ยง ไม่กำหนด
โดยความเป็นของเที่ยง กำหนดโดยความเป็นทุกข์ ไม่กำหนดโดยความ
เป็นสุข กำหนดโดยความเป็นอนัตตา ไม่กำหนดโดยความเป็นอนัตตา
ย่อมเบื่อหน่าย ไม่ยินดี ย่อมคลายกำหนัด ไม่กำหนัด ย่อมยังราคะ
ให้ดับ ไม่ให้เกิด ย่อมสละคืน ไม่ยึดถือ เมื่อกำหนดโดยความเป็น